About Me

My photo
arts graduate, now an OL in Bangkok, still keep that twenty-three tiny wishes in her pocket.

Sunday, December 29, 2013

「辞書を引く」

สวัสดีตอนสายๆค่ะ วันนี้ตื่นมาอากาศยังเย็นๆอยู่เลย
กรุงเทพฯไม่ได้อากาศดีหลายๆวันแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว จำไม่ได้เลยค่ะ ฮ่าๆ
ถือเป็นเรื่องดีดีของปีนี้ (^-^) อยากให้อากาศเป็นแบบนี้ไปนานๆเลย

ขอสารภาพว่าการอัพบล็อคครั้งนี้ คิดว่าจะอัพนานแล้วค่ะ คือคำนี้อยู่ในสมุด
แล้วจำไม่ได้แล้วว่าไปจดมาจากไหน ฮือ5555555555 (T_T) ดองนานเป็นสิ่งที่ไม่ดี

คำว่า 辞書をひく ค่ะ แอ๊ เกิดมาเคยใช้แต่ 辞書を調べる แล้วอันนี้มันคืออะไรรรคะ
ลองเข้าไปดูในเว็บ ninjal ก็เจอคนใช้ประโยคนี้เยอะเลย แอออ๊ ทำไมไม่เคยใช้มาก่อน


แล้วก็เจอบล็อคของคนจีนคนนึง เขียนอธิบายคำว่า 引く ไว้เต็มไปหมดเลย
ด้วยความที่เป็นของคนจีน และคนแปล(อย่างหนู)เป็นเด็กไทยตัวน้อยๆเรียนภาษาญี่ปุ่นมาแบบมึนงง
ลองอ่านดู แปลผิดถูกบ้าง ข้อมูลที่ได้มานี่จริงเท็จขนาดไหนหนูไม่แน่ใจ

ในบล็อคของพี่คนนี้ อธิบายคำว่า 引く ไว้ว่า ตัวด้านซ้ายมาจาก 弓 ซึ่งก็คือธนู 
ส่วน|ก็คือมือค่ะ ก็เลยมีความหมายว่าดึง เพราะเวลายิงธนู เราจะดึงสายธนูเข้ามาหาตัวแล้วยิงออกไปนั่นเอง

อันนี้ตัดส่วนที่เกี่ยวกับ 辞書 มาค่ะ

「ひく」という言葉の使われるいろいろな場合を考えてみましたが、最初に挙げた「辞書をひく」はどうでしょうか。まだ分かりにくいですね。答えは次のようになるようです。「くじをひく」という言い方を知っていますね。今では「くじをひく」と言っても、いろいろなやり方がありますが、もともとは、こより(紙を細くよじったもの)や小さい棒などに、当たり外れを記したものを細い木箱などに入れておいて、そこから一本引き抜かせたものです。そういうやり方はもうあまりされなくなっても「くじびき」とか「くじをひく」という言い方は、相変わらずそのまま残っています。ところで、ある一本のくじを「ひく」ということは、何本かあるくじの中から一本を「選ぶ」ということです。  これで、「辞書をひく」というわけが、だいぶ分かってきたのではないでしょうか。誰でも知っているとおり、「辞書」のことは「字引」ともいいますね。「字引」とは、「字」をそれでよいかどうかよく調べて「選び出す」ものです。「くじをひく」のと同じように、「言葉」を選び出すもの――それが「字引」です。「辞書をひく」という言い方には、そのような「引く」の意味が残っているわけです。

แปลแบบง่ายๆเลยก็คือ การค้นหาคำศัพท์ในพจนานุกรมก็คล้ายๆการจับสลาก ที่เราจะเลือกหยิบกระดาษอันนึงออกมาจากกองกระดาษทั้งหมด ก็เหมือนการเลือกคำศัพท์ในพจนานุกรมค่ะ พจนานุกรมก็เหมือนลิ้นชักที่เปิดไปแล้วก็เจอคำศัพท์มากมาย แล้วเราก็เลือกหาคำศัพท์ที่เราต้องการนั่นเอง!

แล้วอีกอย่าง พจนานุกรม นอกจาก 辞書 แล้วยังมีคำว่า 字引 ด้วยนะ ซึ่งก็ตอบโจทย์ได้ชัดเจนค่ะว่าทำไมถึงใช้คันจิ 引 ก็คือการดึงเอาคำศัพท์ออกมานั่นเอง เย้

แบบนี้นี่เอง แต่สงสัยว่าก็ใช้กันเยอะทำไมไม่เคยเจอเลยนะ 
แต่เหมือนนึกได้ลางๆว่าคุณครูตอนม.ปลายเคยสอนไว้เหมือนกัน แต่จำไม่ได้เลยค่ะ55

อยู่ในห้องเรียนอาจารย์ก็ใช้แต่ 調べる ไว้เดี๋ยวลองไปถามเพื่อนๆและอาจารย์ดีกว่า (^^)
......หรือทุกคนรู้อยู่แล้ว มีแต่เราคนเดียวไม่เคยใช้เลยนะ5555555 ไม่เป็นไรค่ะ

ก็ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ของตัวเองไปแล้วกัน แหะๆ
จบแล้วค่า ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ 
ตอนนี้ขอหยุดพักช่วงปีใหม่ แล้วจะกลับมาอีกนะคะ~

心♥

วันนี้มากับหัวขอแบ๊วๆก่อนไปนอนค่ะ ฮ่าๆ

ด้วยข้อสอบมิดเทอมวิชาการอ่านภาษาญี่ปุ่นที่ผ่านมาเจอคำว่า 心が踊る
เลยแปลไปตรงๆว่าใจเต้น ซึ่งก็ถูกแหละค่ะ ฮ่าๆ แต่อยากลองหาตัวอย่างเพิ่มดู
แล้วก็อยากเช็คความหมายที่ชัดเจนด้วยเพราะว่าเจอในห้องสอบ ไม่สามารถเช็คได้ ณ ตอนนั้นค่ะ แฮ่

พจนานุกรมบอกไว้ว่า
心が踊るとは、喜びや楽しい期待のために、心がワクワクする。
ก็คือใช้เวลาตื่นเต้น ใจเต้นนั่นเอง ปกติใช้แต่ ワクワク ตลอดเลย ไม่รู้ว่ามีคำนี้เลยค่ะ แฮ่ๆ
ลองดูประโยคที่เค้าใช้กัน มีแต่ประโยคหวานแหววน่ารักๆทั้งนั้นเลยค่ะ ฮ่าๆ

彼女を見ると心が躍った。

富士山は目の前です。心が躍ります〜

明るい朝の光の中で、魔法のような景色に心が躍る


แต่ใจนึกไปถึงอีกคำนึงด้วยคือ
心が動くหัวใจขยับ หัวใจทำงาน 55
พอแปลเป็นภาษาไทยแบบทื่อๆแล้วรู้สึกมันคล้ายๆกับใจเต้น
ก็เลยอนุมานไปเองค่ะว่ามันน่าจะเหมือนกัน.....
เหมือนคุ้นๆว่าเคยเห็นแต่ไม่รู้ว่าใช้ในความหมายแบบไหน ก็ไปเปิดความหมายดูค่ะ
ในพจนานุกรมเขียนไว้ว่า

心が引きつけられる。関心を持つ。その気になる。

ถ้าให้แปลเป็นไทยก็ประมาณว่ารู้สึกชอบ เค้าเรียกว่ายังไงน้า ตรึงตราตรึงใจ รู้สึกสนใจขึ้นมา อะไรแบบนี้รึเปล่านะ555

今まで興味が湧かなかったタイプの女性にも心が動くようになった。

「キレイになりますよ」の一言で私の心が動きました。


เอ๊ะ ทำไมเจอแต่ประโยคแบบนี้นะ55555
(อาจารย์คะหนูขอโทษค่ะหนูพยายามหาประโยคอื่นๆแล้ว)
สรุปก็คือไม่ได้มีความหมายเหมือนกันเนอะคะ ต่างกันนิดหน่อย (^-^)
ความจริงยังมีคำเกี่ยวกับหัวใจอีกเยอะเลยที่เจอตอนหาสองคำนี้
ถ้าไม่ขี้เกียจจนเกินไป อาจจะมา edit เพิ่มนะคะ

ได้คำศัพท์เก็บใส่คลังไปอีกสองคำค่ะ เย้ ณ ตอนนี้ใกล้ตีหนึ่งแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ

タスク 3.2 : 飛行機・・・

และนี่ก็คือ task 3 ตอนที่สอง และเป็นตอนสุดท้ายค่ะ

ตอนนี้ อาจารย์ให้เล่าเรื่องว่า ตัวเองจะไปต่างประเทศ แต่ขึ้นเครื่องบินช้า เลยตกเครื่องค่ะ
พอตอนเย็น กลับมาเปิดทีวีดู​ พบว่าเครื่องบินที่ตัวเองไม่ได้ขึ้นเนี่ย เกิดอุบัติเหตุ เครื่องตกค่ะ ฮว้าก
ดีนะไม่ขึ้นไป ถ้าขึ้นไปล่ะก็ตอนนี้ชั้นคงตายไปแล้วแน่ๆเลย (T_T)

เนื้อเรื่องเป็นประมาณนี้ค่ะ และตอนนี้ มาพูดกันเป็นภาษาญี่ปุ่นดีกว่า เย้ 555
เวอร์ชั่นแรก มาแล้วค่ะ

昨日、私はアメリカに行く予定でした。でも、私は朝寝坊して飛行機に間に合いませんでした。あの時、私はとても悲しかったです。しかし、家に帰ってテレビでニュースを見ました。そのニュースはアメリカへ行く飛行機は落ちてしまいました。私はアメリカへ行けなくてよかったと思いました。もし、飛行機にいると、私ももう死んでしまったはずだろう。

อร๋อยยยย อันแรกก็กากๆแบบนี้แหละค่ะ55555 จากที่อ่านดู เอาอีกและ พลาดอะไรซ้ำๆอีกแล้วแหละค่ะ (T_T)

1) あの ไม่ควรใช้ในประโยคนี้ค่ะ ส่วนใหญ่การใช้ あの หมายถึงการพูดสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายรู้กันอยู่แล้ว หรือการพูดถึงความหลัง พอเอามาใช้แบบนี้จะดูแปลกๆไปหน่อยเนอะ

2) เครื่อง-บิน-ตก ไม่ใช้คำว่า 落ちる นะคะ T_________T กรี๊ด5555555555 
เครื่องบินตกใช้คำว่า 飛行機が墜落する ค่ะ จำไปจนวันตาย จำขึ้นสมอง ฮ่าๆๆ

3) การใช้ と เชื่อมประโยคคคคคคคค อันนี้เคยพูดไปแล้วตั้งแต่ task ที่แล้ว ทำไมยังผิดได้นะ T T มันต้องเป็น fact เท่านั้น แต่นี่ はず มาเต็มๆเลยค่ะ โอย พังเว่อ หนูจะไม่ลืมอีกแล้วค่ะ

พอพูดปุ๊บ เราจะพูดก่อนคิด พอกลับมานั่งอ่านแล้วก็เห็นข้อผิดพลาดตัวเองเยอะเลย

อ้อออ ลืม!
ขอเสนอเพิ่มมาของอาจารย์ค่ะ
คือเราอยากจะบอกว่า "ถ้าเกิดฉันขึ้นเครื่องบินลำนั้นไป ฉันคงตายไปแล้ว" 
ตรงคำว่าคงตายไปแล้วเราใช้รูป ている บอกสภาพในอนาคตได้ด้วยนะ และยังมีการใช้ในความหมายอื่นๆด้วย อันนี้จดมาจากที่อาจารย์สอนในห้อง เห็นว่ามีประโยชน์ ขออนุญาตเขียนลงในบล็อคนะคะ ^-^

- あなたが結婚するころには、私はもう死んでいるわよ
 บอกสภาพในอนาคต ว่าตอนที่เธอแต่งงาน ป่านนั้นฉันคงจะตายไปแล้วล่ะ
- バッハはたくさんの曲を作曲している
 ใช้เวลาเล่าเรื่องเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ค่ะ 
อันนี้พบบ่อยมาก ตอนอ่านหนังสือสอบวิชาวรรณคดีก็พบรูปแบบการใช้ประโยคแบบนี้เหมือนกันค่ะ พออ่านแล้วก็ อ๋ออออ อย่างนี้นี่เอง ไม่เคยสังเกตมาก่อนเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ก็ได้เป็นความรู้ใหม่แล้ว เย้ (^^)
- あの人は去年アメリカに3回行っています。
 เป็นRecordค่ะ ว่าเคยไปอเมริกามาสามครั้งแล้วนะ (แล้วก็จะมีครั้งต่อๆไปอีกด้วย) link ข้อมูลจากอดีต มาจนถึงปัจจุบัน เป็นการสรุปข้อมูลให้ผู้ฟังค่ะ



書き直し

昨日、私はアメリカへ行く予定でした。でも、飛行機に乗り遅れてしまったんです。飛んでいた飛行機を見て、とても悲しかったけど、仕方がないなぁと思いました。それで、家へ帰ってテレビを見ました。とてもびっくりしたんですけど、飛行機の事故のニュースがありました。その飛行機はちょうど私が乗ろうと思ったのですよ。乗れなくてよかったなあと思いました。もし、乗っていたら、私はもう死んでいたんです。危なかったですね。



จบแล้วค่ะ เย้ แก้ออกมาได้คล้ายๆตัวอย่างอาจารย์จังเลย555555 T-T
แล้วเจอกันรอบต่อไปนะค้า :-)

タスク 3.1 : それは秘密です!

กลับมาอย่างรวดเร็ว กับ task 3.1 ค่ะ ฮ่าๆ
คราวนี้ อาจารย์ก็ยังให้พูดเหมือนเดิมค่ะ ^-^ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสาวสวยและหนุ่มหล่อที่เป็นแฟนกัน
สาวคนนี้ทำศัลยกรรมแต่แฟนยังไม่รู้ค่ะ สุดท้ายแฟนไปบ้าน เจออัลบั้มรูปตอนมัธยมเลยบังเอิญ เลยรู้ความจริงหมดเลย สาวช็อคมาก แต่แฟนก็ใจดีมากเลยค่ะ
บอกว่าไม่เป็นไรนะ.......ผมก็หัวล้านเหมือนกัน 555555

พอรู้เรื่องแบบนี้แล้ว อะ จงเล่าออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ
เรื่องทั้งหมดถูกเล่าแบบผิดๆถูกๆดังนี้ค่ะ....

私の友達は整形をしました。整形した後、その友達は格好よくて、素敵な彼氏ができました。でも、ある日友達の彼氏は整形する前の写真をふと見つけました。友達はとても恥ずかしかった__が、彼は「なんだ、そんなこと気にしなくてもいいのに」って言ってくれました。実は、彼もいつもカツラをして、はげです

โป๊ะมาก เต็มสิบให้สองเท่านั้นค่ะ ความจริงอยากเขียนให้รู้เรื่องและสนุกมากกว่านี้5555
ตอนนี้เลยขอเขียน 内省 ข้อผิดพลาดของตัวเองออกมาหน่อยแล้วกันค่ะ แฮ่

1) รู้สึกว่าตัวเองไม่มีการเกริ่นอะไรขึ้นมาเลยซักอย่าง อยู่ดีดีก็โพล่งขึ้นมาว่าเพื่อนไปทำศัลยกรรมมา...นึกเหตุการณ์เล่นๆแล้วก็แปลกเหมือนกันค่ะ55 ความจริงน่าจะพูดอะไรขึ้นมาก่อนเป็นการปูพื้นก่อนเข้าเรื่องเนอะ

2) ตรง 友達の彼氏 ค่ะ ความจริงแทนโทโมะดาจิด้วยคำว่า その เลยก็ได้ เพราะเคยพูดถึงมาแล้วค่ะ

3) ปัญหานี้มันมาอีกแล้วววว พูดแล้ว tense ผิดๆถูกๆมาอีกแล้วค่ะ แต่รอบนี้สติดีหน่อย ผิดแค่ที่เดียว ถือว่าพัฒนาขึ้นเนอะ (ให้กำลังใจและเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน ฮ่าๆๆ)

4) จบแบบทื่อๆ เก้ๆกังๆ ไม่ดีเลยค่ะ (-_-; ทุกอย่างดูแข็งๆ เดี๋ยวตอนแก้ลองเปลี่ยนไปใช้รูป ル ดีกว่าค่ะ ฮ่าๆ

มาลองแก้ใหม่ค่ะ พูดแล้วได้ออกมาเป็นข้อความดังต่อไปนี้

ねえ、ペンちゃん、聞いてよ。私の高校の友達の話なのよ。その友達、高校の時顔がすごいブスなの。つまり、整形して、すごい美人になったのよ。それで、ハンサムでとっても優しい彼氏ができたの。でもね、ある日、彼は彼女の家に行って、彼女の昔のアルバムを見ちゃったのよ。秘密をばらされたなんて、彼女はとってもびっくりして、恥ずかしかったけど、彼はニコニコ笑って、「そんなこと、気にしなくてもいいのに」って言ったのよ。それから、彼は何をしたと思う?彼は自分の髪の毛を持って、取ったのよ!「僕のこんなだし」って、つるつるピカピカの頭を見せたのよ。髪の毛は全然なかったの。でもね、二人は今でも仲良くて付き合ってるよ。とてもかわいいカップルだよ。


ถูกรึเปล่าไม่รู้ แต่ว่าดีขึ้นกว่าข้างบนเยอะมาก ก็ดีใจแล้วค่ะ (^-^")
ภาษาญี่ปุ่น ต้องพูดบ่อยๆ ถึงจะคล่องเนอะ ฝึกฝนกันต่อไปค่ะ จะพยายามนะคะ!

タスク2 目に浮かぶ描写

ไม่ได้เข้ามานานเลย ฮือ เพิ่งสอบกลางภาคเสร็จเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาค่ะ
เลยนั่งอู้อยู่สองวัน ตอนนี้กลับมาเขียนบล็อคแล้วนะคะ คราวนี้อัพรัวแน่นอนค่ะ5555555

เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

Task ครั้งที่สอง คราวนี้อาจารย์ให้เล่าเรื่องผ่านรูปนี้ค่ะ


ดูรูปแล้วเข้าใจไม่ยากใช่มั้ยคะ แต่พอเล่าจริงๆเป็นภาษาญี่ปุ่นแล้ว (T_T) ค่อนข้างยากเหมือนกันค่ะ
และประโยคข้างล่างนี้ เป็นเวอร์ชั่นแรกที่พูดกับเพื่อน ส่วนที่ไฮไลต์ คือส่วนที่แปลกประหลาด ที่อาจารย์ขีดเส้นมาให้ เหมือนเดิมค่ะ อ่าๆ

หมายเหตุ: สิ่งนี้เป็นการถอดเทปออกมาอาจจะดูตะกุกตะกักและผิดอย่างแรงค่ะ แงงงงงง

昨日、私はホテルのロビーに行きました。そして、なんか、イギリスのお客様が見えました。お客様は、なんか、道が分かりませんから、誰かに道を聞きたくて、ソファに座っている人に目を合った。目が合った。でも、その人は目をそろして、隣に新聞を読んでいる人と一緒に新聞の後ろに隠しました面白かったね。変でしたね。

ผิดแบบไม่น่าให้อภัยยยยทุกอย่างเลยยยยย ต่อไปนี้จะเป็นการสารภาพผิดของตัวเองค่ะ
1.ル・デス・マス ปนกันไปหมดเลยค่ะ (T_T) พอบอกให้พูด ก็จะงง ตื่นเต้นมาก ใช้ปนกันไปหมดเลย

2.เล่าไม่ละเอียดพอ ตอนแรกไม่ได้บอกว่ามีคนนั่งอยู่บนโซฟาสองคน เพิ่งมาบอกทีหลัง พอมาลองอ่านอีกที รู้สึกงงๆกับสิ่งที่ตัวเองพูดไปจังเลยค่ะ (- -") แถมคุณลุงชาวต่างชาติน่าจะบรรยายลักษณะของเขาได้มากกว่านี้ค่ะ อย่างเช่น กำลังถือแผนที่อยู่ ดูกำลังงงๆเส้นทางนะ ประมาณนี้ค่ะ แต่ตอนนั้นนึกไม่ออกจริงๆ OTL มัวแต่ง่วงๆ งงๆ

3.หลายคำมากที่ใช้ผิด อย่างเช่นสบตา,เปิดหนังสือพิมพ์อ่าน,หลบหลังหนังสือพิมพ์

4.การใช้ なんか ของตัวเองค่ะ มันมายังง้ายยยย มันมายังไง นึกอะไรไม่ออกก็พูดออกมาไม่รู้ตัวเลยค่ะ OTL

5.ความจริงน่าจะใช้คำว่า 観光客 เนอะ แต่ตอนนั้นนึกไม่ออกค่ะ เห็นหน้าตาฝรั่งๆ ชาวอังกฤษแล้วกัน แหะๆ

เอาเป็นว่าในการพูดครั้งแรก เต็มสิบขอให้คะแนนตัวเองติดลบแล้วกันค่ะ ฮ่าๆ ไม่รู้เรื่องเลย


แต่หลังจากที่อาจารย์ได้ช่วยอะไรหลายๆอย่างแล้ว ก็ทำให้ได้ความรู้และคำศัพท์มากมายติดตัวมาค่ะ

- การเล่าเรื่องแบบนี้ เล่าได้จากหลายมุมมองค่ะ ให้พูดง่ายๆก็คือ เราแทนตัวเองเป็นคนที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่,แทนตัวเองเป็นเด็กผู้ชายที่ถูกชาวต่างชาติถาม หรือเป็นชาวต่างชาติหลงทางก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นคนที่มองเหตุการณ์เสมอไป แต่ว่าชอบแทนตัวเองเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ค่ะ เลยขอแทนตัวเองเป็นแบบเดิมต่อไป

- สำหรับคำศัพท์ที่สงสัยนั้น ได้คำตอบมาหมดแล้วค่ะ เย้

1) สบตาโดยบังเอิญ = 目が合う หรือ 目を合わせる
2) หลบหลังหนังสือพิมพ์ = 新聞の陰に隠れる
3) เปิดหนังสือพิมอ่าน = 新聞を広げて読む

ประมาณนี้ค่ะ แล้วก็ ด้วยความที่มีเวลานั่งคิดมากขึ้นแล้ว แถมยังเห็นตัวอย่างอีก เลยทำให้เขียนได้อย่างดีขึ้น(มาก) พอเทียบกับครั้งแรกแล้ว หน้ามือกับหลังมือเลยค่ะ แต่ไม่แน่ใจนะว่ายังมีที่ผิดอยู่รึเปล่า55 ลองมาดูฉบับแก้แล้วกันนะคะ

หมายเหตุ: เพิ่งรู้ค่ะว่าเด็กผู้ชายคนนี้ชื่อ ペアスケ เลยขออนุญาตแทนชื่อไปเลยแล้วกันนะคะ (^-^)

ペアスケはホテルのロビーのソファーに座っていました。隣では男の人が新聞を広げて読んでいました。ペアスケがぼんやりしている時、前を見ると、ふと、地図を持って立っている男の観光客と目を合ってしまいました。彼は道を迷っているようです。ペアスケに道を聞きたくて、近づいてきました。ペアスケだってこの地に詳しくないから、観光客に答えられないようです。それで、どこで隠れたいとペアスケは思って、隣でおじさんが広げて読んでいる新聞のかげに隠れてしまったのです。おじさんはペアスケを知らないので、びっくりしました。観光客も言葉を失っていました。


ดีขึ้นเยอะมากเลย ขอให้คะแนนตัวเอง 7/10 5555555555 ขำยาวๆ
ต่อไปนี้จะพยายามเล่าเรื่องให้เก่งมากกว่านี้นะคะ แล้วเจอกัน task ต่อไปค่ะ ^-^)/

Sunday, December 1, 2013

タスク1「文学部へ行きましょう!」FEEDBACK

ไม่ได้อัพมานานเลยค่ะ ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายมากเลยไม่ค่อยได้เข้ามาเลย
แต่ถ้าดองไว้นานๆจะไม่เกิดประโยชน์กับตัวเอง เลยกลับมาแล้วค่ะ (^-^q

ตอนนี้ ได้ feedback กลับมาจากอาจารย์แล้วค่ะ เอาอันที่แก้รอบที่หนึ่งมาให้อ่านก่อน
*ส่วนที่ไฮไลท์คือส่วนที่อาจารย์บอกว่าควรจะแก้ใหม่นะคะ

- ครั้งที่ 1 -
BTSチョンノンシーからチュラロンコーン大学文学部までの行き方を説明します。手段は、BTSスカイトレイン・シロム線とチュラのバスである。

まず、BTSチョンノンシー_から「National Stadium」行きの電車に乗ってください。チョンノンシー_から数えて3つ目のサイアム駅で下車。それから、階段を下りて、6番の出口に出る。改札口を通って、前見ると「Karmart」というピンク色の店がある。その店の横にあるスカイウォークに5メートルぐらい進み、右側の階段を下りる。

次に、階段を下りると、後ろ側に行き、バス停があります。バス停はセブンイレブンの前にあります。そこでチュタ大のピンクシャトルバスに乗ってください。セブンの前のバス停から、文学部のバス停まで、7分ぐらいかかる。

チュラ大のキャンパスに入ると2つ目のバス停で下車すると、文学部のBRKビルは左側にあって、窓が多くてクリーム色のビル_のだ。

จากที่อ่านข้างบนอีกรอบ และจากคอมเม้นของเพื่อน ยังมีปัญหาอยู่เยอะเลยค่ะ
- มีตรงที่เว้นว่างไว้ ลืมคำว่า 駅 ค่ะ แง อันนี้เบลอจริง
- 前に見ると..........คำช่วยผิด (T_T) เสียใจ อันนี้รู้ตัวเลยค่ะ ตอนอาจารย์เอาขึ้นสไลด์ เขิน555
- 後ろ側に行き อันนี้พยายามจะบอกว่า "กลับหลังหัน" ค่ะ แต่นึกคำไม่ออก เอ๊ะ คำไหนน้า
- クリーム色のビルのだ ตึกเป็นคำนามค่าาา 〜のだ ถ้าเป็นคำนามต้องใส่ な ข้างหน้าน้า
- อันสุดท้าย อันนี้หนักสุดเลยค่ะ ยาวเป็นปื้ด คือความจริงอาจารย์วงมาให้นิดเดียว แต่อยากขีดยาวเอง ประจานตัวเอง555 ประโยคยาวไป ยาวไปมาก เดี๋ยวจะมาตัดประโยคค่ะ

อ้อ! แล้วก็มีปัญหาเรื่องการใช้ と ด้วย ในประโยคนี้

ในการใช้คำช่วย と เชื่อมประโยค จะต้องตามด้วยประโยคที่บอกสภาพ ความเป็นจริง
เช่น 大学に入ると、建築学部のビルが見えます/あります。

ห้าม ใช้เชื่อมประโยคที่มีความตั้งใจของตัวเองหรือเป็นการกระทำของตัวเองค่ะ
เพราะมันจะแปลก
เช่น 大学に入ると、建築学部へ行ってください。x แบบนี้ผิดค่ะ

และด้วยเหตุนี้
チュラ大のキャンパスに入ると2つ目のバス停で下車する
เป็นประโยคที่ผิดค่ะ เดี๋ยวมาแก้กัน!

ความคิดเห็นจากเพื่อนๆในห้อง
ในห้องเรียน อาจารย์ให้แลกกันกับของเพื่อนๆค่ะ ซึ่งเพื่อนอ่านแบบใจดีมาก
ตั้งคำถามและข้อเสนอแนะมาสองข้อ ก็คือ

1.ทำไมใช้รูปประโยคไม่เท่ากัน บางที่ใช้ です/ます บางที่ใช้รูปธรรมดา ควรจะทำให้เท่ากัน
      เห็นด้วยกับเพื่อนค่ะ อ่านไปแล้วงงตัวเอง (-_-) ควรสุภาพให้เท่าๆกันทั้งประโยคเนอะ ฮ่าๆๆ

2.อยากให้อธิบายเกี่ยวกับรถโดยสารภายในจุฬาฯให้มากกว่านี้
      อันนี้ไม่รู้จะอธิบายอะไรนอกจากรถเป็นสีชมพูและเล็กกว่ารถบัสทั่วไปค่ะ55 แต่จะใส่ให้ด้วยแล้วกันจะได้เข้าใจง่ายขึ้นเนอะ! (^-^)

.............
..........
.......
.....
...
..
.

修正後
BTSチョンノンシーからチュラロンコーン大学文学部までの行き方を説明します。手段は、BTSスカイトレイン・シロム線とチュラのバスです。

まず、BTSチョンノンシー駅から「National Stadium」行きの電車に乗ってください。チョンノンシー駅から数えて3つ目のサイアム駅で下車。それから、階段を下りて、6番の出口に出ます。改札口を通って、前を見ると「Karmart」というピンク色の店があります。その店の横にあるスカイウォークに5メートルぐらい進み、右側の階段を下ります。

次に、階段を下りると、後ろ向き、バス停があります。バス停はセブンイレブンの前にあります。そこでチュタ大のピンクシャトルバスに乗ってください。シャトルバスは普通のバスよりちょっと小さいです。セブンの前のバス停から、文学部のバス停まで、7分ぐらいかかります。

チュラ大のキャンパスに入ってから2つ目のバス停で下車すると、文学部のBRKビルは左側にあります。窓が多くてクリーム色のビルなのです。



แฮ่ เสร็จแล้วค่า! (^-^) อันนี้ไม่รู้ว่ายังมีผิดตรงไหนอีกมั้ย
สำหรับคนที่หลงเข้ามา คอมเม้นได้เลยนะคะ555 ถือว่าช่วยหนูฝึกฝนภาษาญี่ปุ่น จะได้พัฒนามากขึ้น
วันนี้ขอตัวก่อนค่ะ แล้วต่อไปจะขยันอัพบลอคนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ


แตมมี่

Thursday, November 14, 2013

本気って?・タスク1

วันนี้ มาตอนดึกๆอีกแล้ว เพราะว่าเพิ่งนั่งเขียนอีเมลส่งการบ้านอาจารย์ไปค่ะ อิอิ

___________________________________________________

มาเข้าเรื่องปัญหาคาใจของตัวเองกันดีกว่า

วันนี้.....ว่าด้วยปัญหาเรื่องการใช้คำว่า 本気 ค่ะ
เดี๋ยวก็ 本気にする เดี๋ยวก็ 本気になるสรุปว่ามันต่างกันมั้ยนะ ใช้ผิดใช้ถูกตลอดเลย
แล้วในที่สุด...ก็ได้คุยเรื่องนี้กันในชั่วโมง Japanese Writing ค่ะ
มีเพื่อนที่น่ารักของเราออกไปพรีเซนต์หน้าห้องแล้วใช้คำนี้ขึ้นมาพอดีเซนเซเลยอธิบายให้ฟังค่ะ

จากที่อาจารย์ญี่ปุ่นบอกมานะคะ

本気になる
= เราจะจริงจังกับอะไรซักอย่างแล้วนะ จะตั้งใจเรียนแล้วนะ! หรือใช้เวลาชอบใครก็ได้ค่ะ แบบ เราจริงจังนะ เราชอบเธอ จะแต่งงานด้วย คนนี้แหละ <3 君のことを本気になった

นอกจากนั้นสำหรับที่ใช้ในความหมายว่าจริงจังแล้วยังใช้คำว่า 本気を出す ได้เหมือนกัน

本気にする
= ใช้เวลาเราโดนพูดหลอก โดนล้อเล่นแล้วเราเชื่อจริงๆจังๆ เป็นตุเป็นตะค่ะ
อย่างเช่น ไปหลอกเพื่อนว่าเนี่ย แก สอบตก อาจารย์เรียกพบ เพื่อนช็อค เลยขำใส่เพื่อนแล้วถามว่า 「本気にしたの?」นี่เชื่อจริงๆหรอ ล้อเล่นนะ อย่าคิดมาก ฮ่าๆ

แล้วหาไปหามา ได้รู้คำศัพท์ใหม่เพิ่มด้วยค่ะ คือคำว่า 一本気(な) แปลว่า เด็ดเดี่ยว
อันนี้ไม่เคยรู้เหมือนกันค่ะ เลยมาใส่ไว้ แฮ่ เขินจัง

ไหนๆวันนี้ก็本気แล้ว ตอนเขียนบลอคอยู่นี่ก็นั่งฟังเพลงอยู่ด้วยค่ะ ชื่อเพลง 片思い ของคุณ miwa
ที่ท่อนฮุคตอนสุดท้ายร้องว่า 「本気なんです本気で、好きなんです」
ฟังไปเขียนไปนี่......อินกัน entry นี้มากจริงๆ5555


________________________________

(จบไปแล้ว อันนี้นอกเรื่อง แต่ก็เกี่ยวกับในห้องเรียนนะ 55555)
タスク1:文学部に行きましょう!
อาทิตย์นี้ได้กลับมาเรียนวิชานี้แล้ว อาจารย์มอบหมาย task แรกมาให้ คือ.........
ให้เขียนบอกทางคนญี่ปุ่นจาก BTS ช่องนนทรี มาที่คณะอักษรศาสตร์จุฬาฯค่ะ
โดยที่อาจารย์บอกว่า เนี่ย ให้เขียนให้คนที่ไม่เคยมาสยาม ไม่รู้จักพารากอน ไม่เคยมาไทย
ไม่รู้จุฬาฯหน้าตายังไง ต้องเขียนให้เค้าเข้าใจนะ โอ เงิบเลยค่ะ เขียนยังไงดี งง แง เขียนไม่ถูก
เขียนไปกะจึ๋งเดียว จำทางออกบีทีเอสก็ไม่ได้ พอเขียนเสร็จทุกคนส่งอาจารย์

หลังจากที่อาจารย์ได้ให้นิสิตทั้งหลายพักไปวิ่งเล่นกินน้ำกินขนมระหว่างที่อาจารย์นั่งดูสิ่งที่นิสิตเขียนไปพลางๆแล้ว

อาจารย์ก็ถามว่า
"นิสิตคิดว่าคนญี่ปุ่นจะพกสิ่งที่นิสิตเขียนไปเวลาเดินทางมั้ยคะ"

แน่นอนค่ะว่าทุกคนประสานเสียงกันตอบว่า.....
"ไม่มีทางค่ะ" จบ


สุดท้าย อาจารย์เลยให้ตัวอย่างที่คนญี่ปุ่นเขียนแนะนำทางมาให้อ่าน พออ่านแล้วเหมือนเห็นทางสว่าง
อ่านแล้วรู้สึกว่าทำไมชั้นไม่คิดแบบนี้ตั้งแต่แรก (-_-; ทั้งรูปแบบประโยคและการใช้คำศัพท์
เคยเรียนมาตอนปีสองค่ะ จำได้แค่ว่าเวลาบอกทางใช้รูป てください ได้........
เท่านั้นแหละ ทุกประโยคที่เขียนเต็มไปด้วย て、て、て、てください ค่ะ พังสุดอะไรสุด555555555
ส่วนเรื่องคำศัพท์ ที่แตมเขียนไปส่วนใหญ่เป็นภาษาพูดค่ะ แต่จากตัวอย่างที่อาจารย์ให้มา จะใช้เป็นภาษาเขียนมากกว่า
ซึ่งเราก็ไม่ได้นึกถึงมันเลย บางตัวก็ไม่เคยใช้มาก่อนด้วย
เช่น จะบอกว่าให้ลงรถที่สถานีนี้ แทนที่จะใช้คำว่า (สถานี) で降りる ก็ลองเปลี่ยนไปใช้คำว่า 下車(げしゃ)ที่แปลว่าลงรถเหมือนกัน
แถมจากในตัวอย่าง แทบจะไม่มีใครใช้คำว่า 降りる เลยค่ะ เพราะดูเป็นภาษาพูดมากกว่า เวลาเขียนก็ยาวกกว่าด้วยค่ะ เพราะ 降りるเป็นกริยา ต้องมานั่งคิดอีกนี่จะผันยังไงดีน้า ไม่ผันได้มั้ย นู่นนี่นั่น แต่ถ้าใช้ 下車 ก็สามารถเขียนได้เลยว่า 「サイアム駅」で下車。เพราะคำนี้เป็นคำนาม
ก็จะดูดีขึ้น กระชับขึ้น แถมไม่ต้องคิดอะไรมากอีก แฮ่

คำศัพท์อื่นๆก็เช่น
まっすぐ行く = 直進する(ちょくしん)เดินตรงไป
道路を渡る = 横断する(おうだん)ข้าม
右に曲がる = 右折(うせつ)เลี้ยวขวา
左に曲がる = 左折(させつ)เลี้ยวซ้าย

ทีนี้ก็เมมคำศัพท์ไว้ในหัว แล้วอาจารย์ก็บอกให้เขียนไปส่งใหม่ด้วยความตั้งใจหลังจากเห็นทางสว่างแล้วค่ะ จะรอดู Feedback จากอาจารย์ในอาทิตย์หน้านะคะ \(^-^)/


เขียน task ของอาจารย์เยอะกว่าความรู้ใหม่ที่เจอมาซะอีก5555
แต่ถ้าเจออะไรน่าสนใจก็จะมาเขียนเรื่อยๆนะคะ ^-^)/ ตอนนี้ขอตัวไปทำการบ้านต่อก่อนค่ะ
ยังไม่เสร็จเลย แง เที่ยงคืนแล้ว หนีก่อนแล้วค่า ฮื้อ


แตมมี่.


Tuesday, November 5, 2013

MY GOAL♥目標



ตอนนี้ได้ส่งหัวข้อที่ต้องการจะพัฒนาตัวเองแล้วค่ะ เย้!
ในวิชานี้ อาจารย์เน้นให้เราพัฒนาทักษะแบบ output ซึ่งก็คือการพูด กับการเขียน
อาจารย์ให้เลือกว่าเราอยากพัฒนาการพูดหรือการเขียนมากกว่ากัน เราก็คิดแล้วคิดอีก
คิดแล้วคิดอีก พัฒนาอะไรดีน้า เรายังอ่อนด้อยเรื่องไหนน้า จะว่าไปก็ห่วยทั้งคู่เลยนี่ แง เลือกยากจัง
แต่สุดท้ายก็เลือกการพูดไปค่ะ (^_^) เพราะคิดถึงความฝัน(เล็กๆ)ของตัวเอง
...อยากเป็นล่ามในโรงพยาบาลค่ะ ฮา

(นอกเรื่อง) เป็นคนชอบอยู่โรงพยาบาลค่ะ ไม่รู้ทำไม พอบอกคนอื่นเค้าก็จะทำหน้าเอือมใส่ หนูเสียใจ
 ความจริงเคยอยากเป็นหมอเด็กมากๆ แต่รู้ตัวแล้วค่ะว่าวิทยาศาสตร์ตัวเองระดับมัธยมยังไม่ไหว เรียนต่อตายแน่ๆค่ะ แฮ่
พอเห็นว่ามีงานล่ามแบบนี้แล้วก็เลย อยากลองทำเหมือนกันน้า จะไหวรึเปล่าก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันค่ะ (^_^")


อยากฝึกฝนเรื่องการพูดค่ะ เพราะคิดว่าตัวเอง เวลาจะพูดภาษาญี่ปุ่นออกไปจะกังวลตลอดเลย
อยากมีความมั่นใจในการใช้มากกว่านี้เหมือนกัน ....
ส่วนหัวข้อย่อยที่อยากจะพัฒนาคือด้าน コロケーション ค่ะ
รู้สึกว่าหัวตัวเอง blank มาก ในเรื่องคำศัพท์
บางทีชอบนึกศัพท์ไม่ออก เอ๊ะ พูดคำนามคำนี้แล้วต้องใช้กริยาคำไหนนะ พอไม่มีความมั่นใจตรงนี้แล้วก็ไม่ค่อยกล้าคุยกับคนญี่ปุ่นเลยค่ะ (T_T) เอ๋อใส่บ่อยมากๆ

ตอนนี้ก็มีเพื่อนคนญี่ปุ่นที่ได้คุยกันบ้างเรื่อยๆ แต่บางอย่างทำให้เราตะกุกตะกักคุยกับเค้าแล้วงงๆกันไป
ดีนะที่เค้าเรียนภาษาไทย 55 ก็เลยยังพออธิบายให้เข้าใจได้ค่ะ (^-^)

ภายนอกเพื่อนๆจะมองว่าเป็นคนตลก คุยง่าย 
แต่ความจริงเรื่องการแสดงความคิดเห็นในห้องเรียน ไม่ค่อยกล้าเลยค่ะ ไม่มั่นใจสกิลการพูดตัวเอง
โดยเฉพาะในห้องเรียน Conversation เพื่อนๆหลายคนก็ฟุดฟิดฟอไฟกันมาก ตามไม่ทันจริงๆ
ทั้งเวลาพูดในห้องเรียน และในชีวิตจริงเลย
บางทีมีบางอย่างที่อยากพูดมากๆแต่นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรก็ขัดใจจังเลยเนอะ 555
T_T

สรุป
หัวข้อที่เลือก: การพัฒนาการพูด และ コロケーション 
เป้าหมาย: สามารถโต้ตอบและแสดงความคิดเห็นกับญี่ปุ่นได้อย่างมั่นใจมากกว่านี้ รวมถึงเลือกใช้คำกริยาคู่กับคำนามในโอกาสที่เหมาะสมด้วยค่ะ ^_^

เครื่องมือที่จะใช้ในการช่วยพัฒนา:
จากคำแนะนำของอาจารย์เลยจะใช้เว็บไซต์ http://nlb.ninjal.ac.jp/ ช่วยค่ะ
เป็นคลังคำศัพท์ที่ดีมากๆเลย มีตัวอย่างประโยคที่ใช้จริงเยอะมาก 
ใครสนใจก็สามารถเข้าไปดูได้เลยนะคะ

การเรียนภาษาต้องเรียนรู้จากการใช้ จะตั้งใจฝึกฝนบ่อยๆนะคะ 
จะพยายาม ตามที่ได้ให้สัญญาใจกับอาจารย์ไว้นะคะ ♥
________________________________________________________

อันนี้มาอัพเดทใหม่ จะได้อยู่เป็นหมวดหมู่ ให้อาจารย์มาตามตรวจง่ายมากขึ้นนะคะ (^-^)/
แตมมี่

Saturday, November 2, 2013

初めましてー

มาเปิดบล็อคแล้ว ตามเพื่อนๆ เห็นเปิดกันหมดเลย อิจฉา เปิดมั่ง
สำหรับคนที่หลงเข้ามา บล็อคนี้เป็นบลอคที่ใช้สำหรับการเรียนในวิชาภาษาศาสตร์ภาษาญี่ปุ่นประยุกต์ของหนูเองค่ะ เย้

ปกติชอบเขียนบล็อคไร้สาระค่ะ แต่อาจารย์มอบหมายให้มาเขียนบล็อคแบบนี้ เราต้องจริงจังบ้างแล้วล่ะ (ฮา)

ถึงจะเรียนภาษาญี่ปุ่นมานานแล้วแต่ก็คิดว่าตัวเองยังมีปัญหาอยู่เยอะเหมือนกัน
ในตอนนี้ได้มีโอกาสได้เรียนวิชานี้ มีความรู้สึกว่าตัวเองจะได้พัฒนามากขึ้น!
เอาเป็นว่าถ้าได้เจอปัญหาหรือความรู้ใหม่ๆของการใช้ภาษาญี่ปุ่นของตัวเอง ก็จะเอามาโพสไว้ในนี้นะคะ
สำหรับคนที่หลงเข้ามา ก็เข้ามาอ่านสนุกๆได้นะคะ


ฝากตัวด้วยนะค้า สัญญาว่าจะตั้งใจเรียนตลอดหนึ่งเทอมนี้แล้วมาเขียนบล็อคบ่อยๆค่ะ m(_ _)m
よろしくお願いしまーす。

แตมมี่